สรุปงานวิจัย
งานวิจัย เรื่องการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
งานวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ การศึกษาระดับ มหาบัณฑิต
ผู้วิจัย เอราวรรณ
ศรีจักร
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของงานวิจัย
ประเด็นที่1 วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต
ประเด็นที่2
วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งความรู้
(Knowledge
basedsociety)
คนทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์
ประเด็นที่3 การเรียนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
ซึ่งเรียกว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เด็กปฐมวัยสามารถเรียนรู้กระบวนการวิทยาศาสตร์ได้
โดยครูใช้ประสบการณ์การคิดและปฏิบัติ
ประเด็นที่4 เด็กปฐมวัยอายุระหว่าง 4 - 5
ปีมีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีความเชื่อว่า ทุกอย่างมีชีวิต(animism)
มีความรู้สึกและเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกมีจุดมุ่งหมาย
(purposivism)
และชอบตั้งคำถามโดยใช้คำว่า
“ทำไม”
ประเด็นที่5 การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยนั้นจะมาจากการใช้ประสาทสัมผัส
(Sensory
Motor) เป็นหลักการเรียนรู้(Piaget.
1969) สื่อสำหรับเด็กในการเรียนรู้มีหลายชนิด
สื่อแต่ละชนิดสามารถปรับใช้ได้กับหลายจุดประสงค์
ประเด็นที่6
แบบฝึกทักษะเป็นเอกสารที่สร้างขึ้นเพื่อฝึกให้เด็กได้เตรียมความพร้อมด้านสติปัญญาและทักษะต่างๆ
มีรูปแบบ วิธีการ ที่มีแบบแผน กฎเกณฑ์
โดยมีคำสั่งของแต่ละกิจกรรมตามเนื้อหาจุดประสงค์ของแบบฝึกแต่ละเล่ม
ซึ่งเป็นแบบฝึกเกี่ยวกับภาพ ครูจะใช้ประกอบขณะเด็กทำกิจกรรมหรือตอนสรุปการเรียน
ความมุ่งหมายของการวิจัย
2.
เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ใช้เป็นแนวทางในการใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการ วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
และเป็นแนวทางสำหรับครูในการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้สื่อที่เป็นแบบฝึกทักษะหรือสื่ออื่นๆ
แก่เด็กปฐมวัยให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
ตัวแปรในการวิจัย
ตัวเเปรอิสระ/ตัวเเปรต้น คือ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์
ตัวเเปรตาม/ตัวจัดกระทำ ได้เเก่ ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ 4 ด้าน คือ
1. สังเกต
2. จำเเนกประเภท
3. สื่อสาร
4. การลงความเห็น
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. เด็กปฐมวัย
หมายถึง
เด็กนักเรียนชาย - หญิง ที่มีอายุระหว่าง 4 - 5 ปี
ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ระดับอนุบาลศึกษา
2.
การพัฒนา
หมายถึง
ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
ซึ่งประเมินโดยแบบประเมินที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
3.ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย หมายถึง
ความสามารถของเด็กปฐมวัยในการใช้ความคิด
การค้นหาความรู้เพื่อหาคำตอบที่เป็นองค์ความรู้ได้ ในการวิจัยนี้จำแนกเป็น 4 ด้าน
ดังนี้
3.1
การสังเกต หมายถึง
ความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่ หู ตา
จมูก ลิ้น และผิวกาย
เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรือเหตุการณ์แล้วเด็กสามารถบอกลักษณะหรือความแตกต่างของสิ่งนั้นได้
3.2
การจำแนกประเภท หมายถึง
ความสามารถในการแบ่งประเภทสิ่งของโดยมีเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกประเภทอย่างใดอย่างหนึ่ง
ได้แก่ ความเหมือน ความแตกต่างและความสัมพันธ์
3.3
การสื่อสาร หมายถึง
ความสามารถในการบอกข้อความหรือเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่ค้นพบจากการสังเกต การทดลอง
เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้ถูกต้อง
3.4 การลงความเห็น หมายถึง
ความสามารถในการอธิบายหรือสรุปความเห็นสิ่งที่ค้นพบหรืออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหรือที่ได้จากประสบการณ์การเรียนรู้ร่วมกับการใช้เหตุผล
4.
กิจกรรมการเรียนรู้
หมายถึง
งานการเรียนสำหรับเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเพื่อให้เด็กได้ปฏิบัติการการเรียนรู้โดยจัดลำดับสาระตามชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์
ของรศ.ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะ
ที่นำมาใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นให้เด็กได้ลงมือกระทำ
ได้รับประโยชน์จริง ดังนี้
ขั้นนำ
เป็นขั้นการเตรียมเด็กเข้าสู่กิจกรรมการเรียนรู้
ประกอบด้วยกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเรื่องที่จะเรียน
ขั้นสอน
แบ่งออกเป็น
2 ตอน ตอนที่ 1 จัดกิจกรรมให้เด็กมีความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับมโนทัศน์ของเรื่องที่เรียน และตอนที่ 2
ทำชุดแบบฝึกทักษะตามมโนทัศน์ของเรื่องที่เรียน
ขั้นสรุป
เด็กร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ที่เด็กได้รับจากการเรียนเรื่องนั้นๆ
5.
ชุดแบบฝึกทักษะ หมายถึง
แบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์โดยเน้นการใช้สมองเป็นฐานการเรียนรู้ (Brain
- Based Learning) สำหรับเด็กปฐมวัยที่ออกแบบโดย ดร.กุลยา
ตันติผลาชีวะจำนวน 4 เรื่อง คือ การสังเกต พืช สัตว์ และโลกของเรา
สมมุติฐานการวิจัย
เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
มีการพัฒนา
ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกัน
บทที่ 3
ประชากร ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือนักเรียนชาย - หญิงที่มีอายุระหว่าง 4-5 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้น อนุบาลศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนอนุบาลธนินทรเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
เขตพื้นที่การศึกษา 2
วิธีดำเนินการวิจัย
การเลือกกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชาย - หญิงที่มีอายุระหว่าง 4 - 5 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้น อนุบาลศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนอนุบาลธนินทรเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่การศึกษา 2 ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย โดยการจับสลากเลือกจำนวน 1 ห้องเรียน จากจำนวน 2 ห้องเรียน และผู้วิจัยสุ่มนักเรียนเข้ากลุ่มทดลองจำนวน 15 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้ง
นี้มีดังนี้
1.ชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์
โดยใช้สมองเป็นฐานการเรียนรู้ (Brain
-
Based Learning) ของ
รศ.ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะ
2.
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สาระตามชุดแบบฝึกทักษะ
3. แบบประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
การดำเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้
ดำเนินการศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 เป็นเวลา 10สัปดาห์
โดยแบ่งเป็นสัปดาห์ในการประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4
วัน คือ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ และวันศุกร์ ในช่วงเวลา 08.00 - 11.30 น.
ในการประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ใช้สัปดาห์ที่ 1 และสัปดาห์ที่ 10
ระยะเวลาในการประเมินจากเด็กจำนวน 15 คน ใช้เวลาในการทำแบบประเมินคนละ 5 ข้อ ข้อละ
2 นาที รวม10 นาที ต่อเด็ก 1 คน
การประเมินในแต่ละวันให้เด็กทำตามการจำแนกรายด้านดังนี้
วันจันทร์
ชุดที่ 1 การสังเกต 5 ข้อ
วันอังคาร ชุดที่ 2 การจำแนกประเภท 5 ข้อ
วันพุธ ชุดที่ 3 การสื่อสาร 5 ข้อ
วันศุกร์ ชุดที่ 4 การลงความเห็น 5 ข้อ
สำหรับระยะเวลาในการทดลองใช้ 8 สัปดาห์
สัปดาห์ละ 3 วัน คือวันจันทร์วันพุธ และวันศุกร์ วันละ 30 นาที รวม 24 ครั้ง
ทำการทดลองในช่วงเวลา 09.00 - 09.30 น.
โดยมีขั้น
ตอนดังนี้
1.จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมเพื่อประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
2.ผู้วิจัยทำการประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
(Pretest)ก่อนการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง
เป็นเวลา 4 วัน
และบันทึกผลของข้อมูลในแต่ละข้อของเด็กแต่ละคนเพื่อนำมาตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์และเก็บเป็นคะแนนข้อมูลพื้นฐานชุดที่
1
3.ผู้วิจัยดำเนินการทดลองในกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
ในระยะเวลาระหว่าง 09.00 - 09.30 น. ของวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์
ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2550ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2550
ผู้วิจัยดำเนินขั้นตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการใช้ชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
ตามตาราง 3ดังนี้
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้
ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ ดังนี้
1.
หาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2.
วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลัง
การใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
เพื่อศึกษาการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยทั้งภาพรวมและจำแนกรายทักษะ
โดยใช้ค่าแจกแจง t แบบ Dependent
Samples
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. หาความเที่ยงตรงของแบบประเมินโดยใช้ดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์กับพฤติกรรม
(พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2543 : 117) ดังนี้
2. หาค่าความยากง่าย
(Difficulty)
ของแบบประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็ก
3. การหาค่าอำนาจจำแนกโดยใช้ค่าสหสัมพันธ์แบบพอยท์
- ไบซีเรียล
(Point
biserial
correlation)
4. หาค่าความเชื่อมัน่
ของแบบประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของด็กปฐมวัย
โดยใช้สูตร KR - 20 ของคูเดอร์
- ริชาร์ดสัน
(Kuder
- Richardson)
สรุปผลการวิจัย
1.
พัฒนาการทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยรวม
หลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะอยู่ในระดับดีมากและจำแนกรายทักษะ
อยู่ในระดับดีมาก 3 ทักษะคือ ทักษะการสังเกต ทักษะการสื่อสาร
และทักษะการลงความเห็น และอยู่ในระดับดี 1 ทักษะ คือทักษะการจำแนกประเภท
2.
พัฒนาการทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
หลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะสูงขึ้นกว่าก่อนการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะทั่วไป
1.
วิธีการเลือกชุดแบบฝึกทักษะ ควรพิจารณารูปภาพประกอบที่ดูเข้าใจง่าย
ไม่ซับซ้อนเป็นภาพขนาดใหญ่ และภาพในหน้าด้านซ้ายกับด้านขวาของชุดแบบฝึกทักษะ
ไม่ควรเป็นภาพเดียวกัน ซึ่งมีคำชี้แจงหรือคำสั่งที่แตกต่างกัน
เพราะจะทำให้เด็กสับสน เนื่องจากเด็กวัย 4 - 5 ปีบางคน
ยังไม่รู้จักตัวเลขที่ระบุอยู่บนหน้ากระดาษของแบบฝึกทักษะ
2.ศึกษาชุดแบบฝึกทักษะเพื่อกำหนดหัวเรื่องตามมโนทัศน์ของแต่ละแบบฝึกทักษะที่จะนำมาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ชัดเจนก่อนการเขียนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์
3.
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะตามการวิจัยนี้ครูควรให้ความสำคัญในการวางแผนการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตร์ที่กำหนดไว้ทั้งเนื้อหาสาระและพัฒนาการเด็ก
4.
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะตามการวิจัย
ครูจำเป็นต้องคิดและวางแผนการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับอายุและสิ่งที่เด็กควรรู้ตามหลักสูตรการศึกษาอย่างหลากหลาย
โดยจัดอย่างเหมาะสมกับบริบททางสังคมของเด็ก
และใช้แบบฝึกทักษะเป็นตัวทบทวนหรือย้ำการเรียนรู้
5. การจัดเตรียมสื่อและอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ประกอบชุดแบบฝึกทักษะต้องมีจำนวนเพียงพอกับจำนวนเด็กที่ทำกิจกรรม
ซึ่งมีคำอธิบายในแต่ละเรื่องของแบบฝึกทักษะที่กำหนดไว้ให้เป็นต้นแบบแล้ว
โดยเฉพาะสื่อของจริงมีความหลากหลายทางด้านรายละเอียดรูปร่าง รูปทรง ผิวสัมผัส
กลิ่น สี รสชาติ ซึ่งจะมีผลเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเป็นอย่างดี
6.
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
ครูต้องจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อให้เด็กเรียนรู้อย่างหลากหลาย
โดยจัดให้เด็กได้ลงมือกระทำด้วยความคิด แสดงออก การทำกิจกรรมกลุ่ม
ได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเอง และรู้ความก้าวหน้าของตนเอง
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 1.
ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการสอนที่ใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะกับรูปแบบการสอนอื่นๆ
ที่พัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
2.ควรมีการศึกษาการสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะด้านอื่นๆเช่น
ด้านคณิตศาสตร์ ด้านภาษาไทย ด้านภาษาอังกฤษ
ว่าสามารถส่งผลต่อตัวแปรด้านใดด้านหนึ่งของเด็กปฐมวัยหรือไม่
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 3.
ควรมีการศึกษาเชิงสำรวจเกี่ยวกับค่านิยมหรือความต้องการในการเลือกซื้อชุดแบบฝึกทักษะด้านต่างๆ
มาสอนลูกที่บ้านของผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
4.
ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบปกติกับการ
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น